วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

หาดทรายดำสุดมหัศจรรย์


หาดทรายดำสุดมหัศจรรย์

          หาดทรายดำ ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากระบบนิเวศของธรรมชาติ ปัจจุบันมีเพียง 5 แห่งในโลก ซึ่งหนึ่งในห้านั้นก็ ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแหลมมะขาม อำเภอแหลมงอบ จ.ตราด ดินแดนภาคตะวันออกของประเทศไทย หาดทรายดำหรือหาดหัวสวน แห่งนี้ มีความเชื่อกันว่า หาดทรายดำสามารถรักษาโรคได้ เพียงแค่ไปนอนหมกตัวอยู่ในทราย ด้วยความเชื่อนี้ทำให้เกิดเสียงเล่าลือกันไปต่าง ๆ นา ๆ จนทำให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างแห่กันมาที่หาดทรายดำกันมากขึ้น

หาดทรายดำ

      ในปัจจุบันระบบนิเวศโดยรอบของหาดทรายดำซึ่งเป็นป่าชายเลนนั้น มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก ทำให้ทางจังหวัดตราด พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตราด มีการเปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติหาดทรายดำขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับความมหัศจรรย์และยังได้ความรู้ต่าง ๆ ของระบบนิเวศป่าชายเลน จากป้ายต่าง ๆ ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ตลอดเส้นทาง หากใครจะไปสัมผัสกับหาดทรายดำต้องดูช่วงเวลาน้ำขึ้น น้ำลงให้ดี เพราะถ้าไปช่วงน้ำลง ท่านจะได้เห็นหาดทรายดำที่กว้างใหญ่ สามารถลงไปสัมผัส และเก็บภาพสวย ๆ ได้แต่ถ้าไปในช่วงน้ำขึ้น จะถือว่ามาเสียเที่ยว ยังไงก็เลือกช่วงเวลากันให้ดี ๆ นะครับ

อ้างอิง : http://travel.mthai.com/region/east/116095.html

บ้านน้ำเชี่ยว ตราด

         บ้านน้ำเชี่ยว สถานที่ท่องเที่ยวชุมชนเชิงวิถีชีวิตวัฒนธรรม ตั้งอยู่ใน ต.น้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ จ.ตราด เป็นหมู่บ้านในเส้นทางผ่านไป ขึ้นเรือสู่เกาะช้าง หมู่บ้านน้ำเชี่ยวแห่งนี้ ยังได้เป็นรับเลือกให้เป็น “หมู่บ้าน OVC” (OTOP Village Champion) ที่ได้รับการสนับสนุนจาก กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย รวมถึงรางอุตสาหรรมท่องเที่ยวไทยดีเด่นจากากรท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บ้านน้ำเชี่ยวมี พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ติดทะเล มีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่เป็นจำนวนมาก มีคลองขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งคลองนี้มีต้นกำเนิด อยู่ที่เขาวังปลา อยู่ระหว่างอำเภอแหลมงอบและอำเภอเมืองตราด เดิมทีประชากรของตำบลน้ำเชี่ยว เป็นคนไทยนับถือศาสนาพุทธ ต่อมามีพ่อค้าชาวจีนล่องเรือสำเภามาค้าขายสินค้าที่ท่าเรือบ้านน้ำเชี่ยว และได้ตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ทำให้ชาวน้ำเชี่ยวส่วนหนึ่งเป็นคนไทย เชื้อสายจีน และในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีชาวมุสลิมซึ่งเรียกตัวเองว่า “แขกจาม หรือ จำปา” อพยพหนีสงครามมาจากประเทศเขมร มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ริมคลองน้ำเชี่ยว และมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยชาวพุทธและมุสลิมสามารถแต่งงานข้ามศาสนาได้ ซึ่งพี่น้องทั้งสอง ศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกันในตำบลน้ำเชี่ยวอย่างสันติสุขด้วยความสัมพันธ์อันดีตลอดมา ที่มาของชื่อชุมชน “น้ำเชี่ยว” มาจากพื้นที่ส่วนใหญ่ อยู่ติดทะเล มีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่เป็นจำนวนมาก มีคลองขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งคลองนี้มีต้นกำเนินอยู่ที่เขาวังปลา อยู่ระหว่างอำเภอแหลมงอบและอำเภอเมืองตราด เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำในคลองจะไหลเชี่ยวมาก ชาวบ้านจึงเรียกว่า “คลองน้ำเชี่ยว” ไหลผ่านกลางหมู่บ้านน้ำเชี่ยวลงสู่ทะเลอ่าวไทยทางใต้ที่บ้านปากคลอง ตำบลหนองโสน อำเภอเมืองตราด ซึ่งชาวบ้านใช้เป็นแหล่งประมง พื้นบ้านและใช้เป็นเส้นทางออกทะเลเพื่อทำการประมงจนถึงปัจจุบันชาวตำบลน้ำเชี่ยวส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ประมง ทำสวนยางพารา สวนผลไม้ และค้าขาย


จุดเด่น และกิจกรรมท่องเที่ยว
  1.วัดน้ำเชี่ยว ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด เดิมชื่อวัดอินทาราม เป็นวัดที่รัชกาลที่ ๕ เคยเสด็จมาประทับ ปัจจุบัน วัดน้ำเชี่ยวได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ประจำปี ๒๕๔๘ ภายในวัดมี พระบรมสารีริกธาตุและพระประจำวันเกิดปางต่างๆ ซึ่งประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามากราบไหว้ได้
  2.มัสยิดอัลกุบรอ กลุ่มชาวไทยมุสลิม ครั้งแรกมาอยู่ที่ตำบลน้ำเชี่ยวแห่งเดียว ตามที่ พระบริหารเทพธานีสันนิษฐานไว้ว่า “ชนกลุ่มนี้ถูกกวาดต้อนเข้ามาในสมัยสงครามกับญวนในประเทศเขมร ตรงกับรัชกาลที่ 3 มีการเรียนภาษาเขียนที่ใช้ในคัมภีร์อัลกุรอาน มีการสร้างสุเหร่าหรือมัสยิดครั้งแรกที่บ้านน้ำเชี่ยว โดยใช้ ไม้โกงกางมาปักเป็นเขต 4 ต้น หลังคามุงด้วยใบปรง นำมาสานเป็นตับเหมือน ตับจากมุงกันแดด กันฝน ต่อมาเมื่อชาวมุสลิมตั้งหลักแหล่งแน่นอนแล้ว ได้ต่อเติมสุเหร่าให้มีสภาพดีขึ้นจนถึงปัจจุบัน โดยมิได้เคลื่อนย้าย จากที่ตั้งเดิมแต่อย่างใด” ซึ่งสุเหร่าแห่งนี้ ปัจจุบันมีชื่อว่า “มัสยิดอัลกุบรอ” ตั้งอยู่ริม คลองน้ำเชี่ยว
  3.ศูนย์ศึกษาธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างเทศบาลตำบลน้ำเชี่ยว และสถานีพัฒนาทรัพยากร ป่าชายเลนที่ 4 (น้ำเชี่ยว ตราด) จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ป่าชายเลนให้มีศักยภาพ สามารถใช้เป็นเรียนรู้ แหล่งศึกษาวิจัยของ เยาวชนและประชาชน และเพื่อส่งเสริมให้สถานศึกษาและชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู เพื่อให้พื้นที่ป่าชายเลน มีสภาพที่ อุดมสมบูรณ์ ภายในศูนย์มีหอดูนกที่สามารถส่องดูนกได้ มีสัตว์หลากหลาย เช่น ลิงเสม ปู ปลา นอกจากนี้สามารถชมหิ่งห้อย ได้ในยามค่ำคืนอีกด้วย


   กิจกรรมท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ต.น้ำเชี่ยวจัดตั้งขึ้นประมาณต้นปี 2549 ณ.หมู่ 1บ้านท้ายเขา ต.น้ำเชี่ยว มีกิจกรรมต่างๆประกอบด้วย
1.สะพานชมธรรมชาติ
2.หอดูนก
3.ล่องเรือเล็กชมวิถีชีวิตชาวประมง เช่นการถีบกระดานเก็บหอยแครง/แมลงภู่ การเลี้ยงปลาในกระชัง การดำหอยปากเป็ด การเลี้ยง หอยนางรม
4.พักโฮมเสตย์ 5.ล่องเรือชมหิ่งห้อย
5.ชมสาทิตการทำงอบใบจาก
6.ชมสาทิตการทำน้ำตาลชัก
7.ชมวิถีชีวิตชาวพุทธและมุสลิมที่อยู่กันแบบสันติ 8ลงเรือใหญ่ฯลฯ

อ้างอิง : http://www.paiduaykan.com/province/east/trat/baananmcheaw.html

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เกาะหมาก

       เกาะหมาก เกาะที่ยังคงความเป็นธรรมชาติท่ามกลางท้องทะเลอันกว้างใหญ่ของฝั่งอ่าวไทย เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสามในท้องทะเลตราด รองลงมาจากเกาะช้างและเกาะกูด อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 38 กิโลเมตร นั่งเรือสปีดโบ้ทจากฝั่งแค่ 50 นาทีก็ถึงแล้ว


       เกาะหมากมีรูปร่างคล้ายดาวสี่แฉก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสวนมะพร้าว โดยรอบมีอ่าว ชายหาดที่สวยงามและน้ำใสสะอาด เกาะที่เป็นสวรรค์สำหรับผู้รักความสงบแต๋ก็ยังไม่ละทิ้งซึ่งความสบาย หากคุณชื่นชอบการพักผ่อนอันเงียบสงบ ใกล้ชิดชายหาดและทะเลอันสวยงาม เกาะหมากเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เกาะที่มีฟ้าสีคราม น้ำทะเลใส หาดทรายขาว ทิวมะพร้าวเขียว



อ้างอิง : http://www.ilovekohmak.com/

เกาะรัง



        เกาะรัง เป็นเกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะรัง ซึ่งอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เป็นเกาะที่มีสีสันของท้องทะเลอันสวยงาม น้ำทะเลใสๆ ทำให้มองเห็นสีสันของแนวปะการังและโขดหินใต้น้ำ มีหาดทรายอันขาวละเอียด บริเวณรอบๆ หมู่เกาะรังมีเกาะน้อย ใหญ่อยู่จำนวนมาก ได้แก่ เกาะรังใหญ่ เกาะรังเล็ก เกาะกระ เกาะเทียน เกาะทองหลวง เกาะยักษ์ เกาะสามพี่น้อง เกาะมะปริง เกาะตุ๊น และเกาะกำปั่น เป็นต้น ซึ่งเกาะต่าง ๆ เหมาะแก่การดำน้ำดูปะการังท่ามกลางฝูงปลาแหวกว่าย



         เกาะรังจะถูกแบ่งออกเป็นสองเกาะเล็กๆ แยกกัน คือ เกาะรังฝั่งทางด้านเหนือ เรียกว่าหาดศาลเจ้า ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดดำน้ำเกาะยักษ์ ซึ่งเกาะฝั่งนี้จะมี หาดทรายที่ขาวละเอียด น้ำใส เกาะฝั่งนี้จะไม่มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ และเกาะรัง อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กช.5 (เกาะรัง)มีแหล่งน้ำจืด มีที่พักของอุทยนาน สามารถกางเต็นท์พักค้างแรมได้


อ้างอิง : http://www.paiduaykan.com/province/east/trat/kohrang.html


เกาะกูด


    ในวันที่อากาศแปรปรวน ชวนให้หัวใจเราปรวนแปร เหงาบ้าง เศร้าบ้าง มีความสุขบ้าง ก็ว่ากันไปตามอารมณ์ แต่...แต่...แต่...ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมานั่งเหงาหรือนั่งหงอยกันนะคะ แทน แท่น แท้น... เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวที่จะทำให้เราพบกับความสุขอย่างแท้จริง นั่นคือ "เกาะกูด" เกาะที่ได้รับการขนานนามว่า "อันดามันแห่งทะเลตะวันออก" เพราะมีน้ำทะเลสีใสมรกตนั่นเอง



"เกาะกูด" เป็นเกาะที่อยู่สุดท้ายทางทิศตะวันออกของประเทศไทย ในน่านน้ำทะเลตราด และมีความใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเกาะช้างในจังหวัดตราด และเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ ระยะทางห่างจากตัวเมืองตราด 80 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 105 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 65,625 ไร่ (โห...ใหญ่จริง ๆ ด้วย) โดยมีขนาดความยาวของเกาะ 25 กิโลเมตร และขนาดความกว้าง 12 กิโลเมตร





ทั้งนี้ ทางฝั่งตะวันตกของเกาะตั้งแต่อ่าวตาติ้น หาดคลองยายกี๋ แหลมหินดำ หาดคลองเจ้า หาดง่ามโข่ แหลมบางเบ้า หาดอ่าวพร้าว ไปจนสุดปลายแหลมเทียน และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางฝั่งตะวันออกที่น่าสนใจ ได้แก่ อ่าวสับปะรด แหลมศาลา อ่าวยายเกิด อ่าวคลองหิน อ่าวจาก ล้วนแต่เป็นหาดที่มีหาดทรายสวยงาม และน้ำทะเลใส มีธรรมชาติสงบเงียบ ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวริมหาด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยว และพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ



อ้างอิง : http://travel.kapook.com/view619.html

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เกาะช้าง




        เกาะช้าง มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากเกาะภูเก็ต แถมยังมีเกาะเล็กเกาะใหญ่ มากกว่า 52 เกาะ ให้เลือกว่าจะไปนอนกินลมชมวิวสวยๆ ที่ไหนอีกทั้งบน เกาะช้าง ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทำแบบไม่มีเหงาแต่เดิม เกาะช้าง ไม่มีชุมชนตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยหากมีความสำคัญในฐานะที่เป็นท่าจอดเรือหลบลมมรสุม เป็นแหล่งเสบียงอาหารและน้ำจืดโดยเฉพาะบริเวณอ่าวสลักเพชร หรืออ่าวสลัดเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่โจรสลัด ชาวจีนไหหลำ และญวนปัจจุบันบน เกาะช้าง มีประชาชนอาศัยอยู่ 8 หมู่บ้าน และมีเนื้อที่ทั้งสิ้น650 ตารางกิโลเมตร เฉพาะ เกาะช้าง มีเนื้อที่ถึง 268,125 ไร่ หรือประมาณ429 ตารางกิโลเมตร




          สภาพโดยรวมบน เกาะช้าง นั้นมีพื้นที่กลางเกาะเป็นภูเขา และป่าดิบชื้นมีที่ราบอยู่ตามขอบเกาะก่อนถึงชายหาดของอ่าวต่าง ๆที่ราบเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสวนมะพร้าว สวนยางพารา และสวนผลไม้อื่น ๆ เช่นเงาะ ทุเรียน ส้มโอ ฯลฯ ตลอดจนเปิดเป็น ที่พักเกาะช้าง ของนักท่องเที่ยวแต่ส่วนใหญ่แล้วพื้นที่ของ เกาะช้าง เป็นภูเขาสูง มีหินผาสลับซับซ้อนมีสภาพสมบูรณ์ เป็นป่าดงดิบเขา ยอดเขาที่สูงที่สุด ได้แก่ ยอดเขาสลักเพชรสูงถึง 744 เมตร (โห... สูงมาก ๆ เลยอ่ะ) รองลงมา ได้แก่ เขาจอมปราสาทและเขาหอม ซึ่งภูเขาเหล่านี้ เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำและลำธารต่าง ๆที่ทำให้เกิดน้ำตกหลายแห่งบน เกาะช้าง นี้นั่นเอง



อ้างอิง : http://travel.kapook.com/view347.html

อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง




          จัดสร้างขึ้นบริเวณชายทะเลแหลมงอบ มีอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ผันพระพักตร์ไปยังบริเวณยุทธนาวีเกาะช้าง มีการจัดบริเวณและอาคารพิพิธภัณฑ์คล้ายเรือรบ ด้านในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงข้อมูลประวัติศาสตร์ของกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ประวัติการสู้รบของกองทัพเรือไทยกับกองกำลังเรือรบของฝรั่งเศส รอบ ๆ บริเวณอนุสรณ์สถานได้จัดเป็นสวนสำหรับพักผ่อน และจะมีงานฉลองเพื่อระลึกถึงการทำยุทธนาวีของกองทัพเรือไทย ระหว่างวันที่ 17-21 มกราคม ของทุกปี


อ้างอิง : http://thai.tourismthailand.org